การให้บริการบนรถนั้น มีขั้นตอน หรือมีการวางแผนกันอย่างไร?
เนื่องจากเส้นทางรถทัวร์สายอีสานตอนบน มีการแข่งขันที่สูงมาก เราอยู่ท่ามกลางสภาวะเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษ ัทแล้ว ถ้าเราไม่ปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้โดยสาร ไม่แคร์ผู้โดยสาร บริษัทเราก็ไปไม่รอด เพราะผู้โดยสารคือเจ้านายของเรา การให้บริการบนรถโดยสาร เป็นตัวสะท้อนภาพพจน์ของบริษัทได้ดีว่า...ผู้โดยสารม ีผลสะท้อนกลับมาหาเราอย่างไร
การขายตั๋ว เรามีการจองตั๋วล่วงหน้า 7 วัน ซึ่งมาจองได้ที่สำนักงานบริษัทและช่องจำหน่ายตั๋วที่ หมอชิต 2 หรือ โทรมาที่สำนักงานบริษัทได้เลย ในบางครั้ง ผู้โดยสารที่โทรมาจองตั๋วที่กรุงเทพ โทรไปที่ช่องขายตั๋ว ปรากฎว่าไม่รับสาย ก็ขอให้เข้าใจด้วยว่า ในช่วงเวลาที่โทรไปจองตั๋วที่กรุงเทพนั้น พนักงานจำหน่ายตั๋วกำลังจำหน่ายตั๋วให้กับลูกค้าอยู่ หากทำไปสองอย่างพร้อมๆ กัน ประสิทธิภาพการทำงานก็จะลดลง และภาพพจน์ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราไม่แคร์ลูกค้าเลย เราแนะนำว่า ถ้าสั่งจองตั๋วทางโทรศัพท์ ให้โทรไปที่สาขาอื่นๆ ของบริษัท ซึ่งพนักงานจะจองที่นั่งให้ แล้วเมื่อเราจะไปเอาตั๋ว ก็บอกกับพนักงานที่กรุงเทพว่ามารับตั๋วที่จองทางโทรศ ัพท์ พนักงานจะเปิดคิวจอง ที่ได้จองเอาไว้ พร้อมแจ้งชื่อผู้จองหรือผู้โดยสาร จะได้เลือกถูกคน ป้องกันการพิมพ์ตั๋วผิดใบ แล้วจ่ายเงินที่ช่องจำหน่ายตั๋วที่กรุงเทพได้เลย ส่วนสาขาอื่นๆ จะทำแบบนี้ก็ได้เช่นกัน
ส่วนการจองตั๋วไปกลับ เราเพิ่งจะมีบริการตรงนี้ เพราะเมื่อก่อน เรายอมรับว่า พนักงานไม่กล้าขายตั๋วให้ เพราะไม่รู้ว่ารถที่วิ่ง เป็นเบอร์อะไร ต้องจัดคิวรถให้ตรงกับเที่ยววิ่งให้ได้ก่อน แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เราก็เปืดจองขากลับจากปลายทางด้วยค่ะ
สัมภาระนั้น เราก็มีสลักให้เห็นชัดเจน ในสลักเราก็จะเขียนเลขที่นั่ง พร้อมทั้งปลายทาง ต้นขั้วเราก็แปะไว้กับตั๋วโดยสาร เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระสูญหาย สัมภาระถูกสับเปลี่ยนระหว่างทาง หรือหยิบสัมภาระไปผิดอัน ซึ่งเราไม่เคยมีประวัติการทำสัมภาระหายมาก่อนเลย ถ้าของหาย เราจะติดตามให้จนถึงที่สุด แม้จะข้ามไปฝั่งลาว เราก็จะติดตามกลับมาให้ได้ หากสูญหายจริง เรายินดีชดใช้ 500 บาท ตามกฎระเบียบที่ได้วางเอาไว้ (บขส. สัมภาระหาย ชดใช้สูงสุด 1 พันบาท) (ผู้เขียนได้ให้ความเห็นเสริมไปว่า หากบริษัทรถทัวร์รายใดก็ตาม ที่สัมภาระของผู้โดยสารยังรักษาไม่ได้ แล้วเรื่องอะไรที่จะไว้ใจในการฝากชีวิตให้กับคนขับรถ ทัวร์ เดินทางได้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง)
ที่นั่งบนรถเรามีการจัดวางเบาะกว้างแบบรถวีไอพี 24 ที่นั่ง ซึ่งชั้นบนมีทั้งหมด 11 แถว โดยที่เบาะเลขที่ 1A กับ 7A จะไม่มี และแถวสุดท้าย บางคันมีถึงแถวที่ 10 บางคันมีถึงแถวที่ 11 ซึ่งจัดวางเบาะ 3 ที่นั่งไม่ใช่ 4 ที่นั่งแน่นอน จึงมีที่นั่งชั้นบนราวๆ 28-31 ที่นั่ง ส่วนชั้นล่าง จัดวางเบาะกว้างแบบรถวีไอพี 24 ที่นั่งเช่นกัน มี 2 แถว เป็น 6 ที่นั่ง หากมีพื้นที่เหลืออยู่ ถ้าใส่เบาะเพิ่มอีกตัวได้ก็จะใส่ บางคันชั้นล่างมี 7 ที่นั่ง ตรงเบาะเดี่ยวมี 3 แถว เบาะคู่มี 2 แถว ผู้โดยสารยื่นตั๋วให้พนักงาน ก็จะมีพนักงานคอยหาที่นั่งที่เราจองให้ ส่วนสัมภาระ ก็แล้วแต่ผู้โดยสาร ถ้าจะฝากสัมภาระไว้ใต้ท้องรถ พนักงานก็จะจัดการให้ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
เรื่องการออกรถนั้น เราจะพยายามออกให้ตรงเวลามากที่สุด หากเราออกช้าเพื่อรอผู้โดยสารคนเดียว ก็จะเสียเวลาผู้โดยสารคนอื่นๆ ด้วย เราก็ได้บอกที่หน้าตั๋วแล้วว่าให้มาที่ชานชาลาก่อนรถ ออก 15 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้รถนั้นสามารถออกได้ตรงเวลาให้มากที่สุด หากรถกำลังจะออกแล้วผู้โดยสารไม่มา พนักงานก็จะโทรไปหาผู้โดยสารคนนั้นๆ ก็แล้วแต่จะตกลงกัน ถ้ามาทันก็คือทัน ถ้ามาไม่ทัน เราจะถามผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่รอรถอยู่ จะขึ้นรถก่อนมั้ย อย่างเช่น นาย ก. จองตั๋วไปอุดรเที่ยว 1 ทุ่ม 45 แต่มาไม่ทัน ก็จะถามผู้โดยสารที่จองไปอุดรเที่ยวอื่น ว่าจะไปก่อนมั้ย ถ้าโอเคก็ให้คนอื่นขึ้นแทน แล้วคนที่ตกรถไปขึ้นเที่ยวหลัง เป็นต้น
เมื่อรถออก พนักงานจะพูดไมโครโฟนที่กล่าวสวัสดีผู้โดยสาร แจ้งการเดินทาง เราเคยมีแนวคิดเรื่องอัดเสียงพูด แล้วเปิดซีดีเอา แต่คิดดูอีกที ฝึกพนักงานพูดออกไมโครโฟนก็ดีเหมือนกัน เลยให้พนักงานพูดไมโครโฟนแจ้งผู้โดยสารเรื่องต้อนรับ และแจ้งเวลาการเดินทาง ดีกว่า ให้ได้แสดงออกบ้าง ตลอดจนเป็นการแสดงความรู้สึกของพนักงานในการบริการผู ้โดยสารด้วย เด็กรถก็จะถามผู้โดยสารว่าลงที่ไหนกันบ้าง เพื่อเช็กได้สะดวกในการลงที่หมาย
อาหารที่แจกบนรถนั้น คิดรวมไปในค่าโดยสารแล้ว ถ้าเกิดมีรถทัวร์เจ้าไหนไม่แจกอาหารและเครื่องดื่มให ้ เท่ากับว่าโดนโกงแล้วล่ะค่ะ อาหารและเครื่องดื่มที่แจกนั้น ก็มักจะเป็นเมนูง่ายๆ ทำทีละมากๆ เช่น ข้าวมันไก่ แพนงหมู ฯลฯ หากมีผู้โดยสารพี่น้องมุสลิมแจ้งมา เราจะจัดอาหารไว้ให้เฉพาะในเที่ยวที่ผู้โดยสารรายนั้ นขึ้น รายการอาหารที่เราแจกมีข้าว 1 กล่อง ขนม 1 ชิ้น นม 1 กล่อง น้ำ 1 ขวด ไม้จิ้มฟัน ช้อน ผ้าเย็น ฯลฯ กินอะไรเสร็จแล้ว ก็มีการเก็บของเหล่านั้นที่กินใช้แล้ว เพื่อให้ถูกสุขลักษณะในการโดยสารรถทัวร์
ความบันเทิงบนรถทัวร์ เราก็ให้ความสำคัญเช่นกัน เราได้เพิ่มจานดาวเทียมไว้บนรถเกือบจะหมดแล้ว ถือว่ามีประสิทธิภาพพอสมควรในเรื่องสัญญาณภาพและเสีย ง มักจะเป็นละครช่อง 3 ช่อง 7 หากให้ดูวีซีดี ก็จะหาเรื่องที่ดูแล้วสบายๆ ผ่อนคลายสักเรื่อง สองเรื่องพอ เพราะผู้โดยสารต้องการพักผ่อนบ้าง ไม่ใช่เปิดตั้งแต่กรุงเทพ ยันอุดร นี่ก็ไม่ไหวนะ (ผู้เขียนเจอมากับตัวแล้ว) จะเอาเวลาไหนพักผ่อน หากไม่เปิดวีซีดี ก็เปิดเพลง แล้วแต่ดีเจจำเป็นจะจัดให้แล้วกันนะคะ
หากมีการลงกลางทาง ส่วนมากจะเป็นการเติมน้ำมันกลางทางที่โคราช มีผู้โดยสารลงทำธุระส่วนตัว เราจะเช็กผู้โดยสารทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารตกรถ หรือทิ้งผู้โดยสาร เมื่อใกล้ถึงที่หมาย พนักงานเราจะปลุกผู้โดยสาร หากมีสัมภาระ เราจะหาให้ แน่นอนว่าสัมภาระไม่ผิดใบและไม่หายแน่ค่ะ หึ หึ หึ
เมื่อก่อน พอส่งผู้โดยสารถึงสุดเส้นทางแล้ว เราก็จะโทรไปสอบถามความคิดเห็นผู้โดยสาร เพื่อที่จะนำมาปรับปรุงการให้บริการต่อไป แต่ปรากฎว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่บอกว่ารำคาญ พนักงานก็เลยไม่กล้าโทรไปสอบถามผู้โดยสารอีก ในเมื่อผู้โดยสารส่วนใหญ่ต้องการอย่างนี้ เราก็เลยไม่โทรไปสอบถามใครอีกเลย หากจะโทรมาแนะนำการให้บริการ เราก็ยินดีนะคะ (ซึ่งผู้เขียนเอง มองว่าเป็นเรื่องดี ที่ผู้ประกอบการ ให้ความสำคัญกับผู้โดยสาร)
จบตอนที่ 1 โปรดติดตามตอนต่อไป ส่วนภาพขอลงทีหลัง เนื่องจากภาพเยอะมาก ขอคัดเลือกก่อนนะครับ