อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Bnm
อิอิอันนี้ผมก็งงอยู่คับ ม.4 ข(พิเศษ) ทำไมไม่ทำเป็น ม.4พ ไปเลย(สงใสเป็น ม.4 พ แต่เก็บราคา ม.4 ข แน่เลย)
|
ผมเข้าใจว่าทาง บขส คงไม่ได้ตั้งใจให้มี มาตรฐาน พ ตั้งแต่แรก จึงมีแค่ ก ข
แต่ก่อน จะมีแค่รถ ป.1 ธรรมดา เรียกรถ 40 ที่นั่ง และมีเพียง บขส เท่านั้นที่มีรถ VIP 24ที่นั่ง (บขสมี ป.1 24ที่นั่ง ป.1 40ที่นั่ง ป.2 และรถหวานเย็น) ช่วงแรกๆบริษัทเอกชนในหลายๆเส้นทาง โดยเฉพาะสายเหนือ จะให้บริการด้วยรถมาตรฐาน ป.1ที่ลดแถวลงไป 2แถว ทำให้ seat pitch กว้างขึ้น แถมมีที่ร่องน่องเข้าไปอีก รถแบบนี้จะเรียกว่า vip32ที่นั่ง ซึ่งยังคงเก็บค่าโดยสารเหมือนรถ ป.1 40ที่นั่ง(สำหรับรถหมวด2) แต่รถหมวด 3 จะเก็บแพงกว่ารถ 40ที่นั่ง
ภายหลัง บขส เริ่มเปลี่ยนมาตรฐานรถจาก ป.1 ป.2 เป็น ม.1 ม.2 จึงเริ่มมีตัวอักษร ก ข ค มาต่อจากมาตรฐานรถ ด้วยเหตุนี้รถหวานเย็นซึ่งแต่ก่อน ไม่สามารถใช้ ป. ได้เพราะไม่ได้ปรับอากาศ จึงเริ่มมีมาตรฐานเหมือนแบบอื่น ซึ่งก็คือ ม.3 นั้นเอง พอเริ่มมีตัวอักษรต่อท้ายและเริ่มมีการใช้สีรถแบ่งแย กมาตรฐานอย่างชัดเจน(ขาวชมพูฟ้า ขาวฟ้าเหลือง ขาวฟ้า ขาวฟ้าส้ม) ช่วงนั้นรถหมวดสองที่เรียกว่า vip 32 เริ่มมีสีเหลืองมาแปะและเริ่มปรับราคา(จำได้ลางๆว่า nca เริ่มก่อนเพื่อน)
แต่ก่อนรถสองชั้นยังไม่ค่อยมี พึ่งมาเป็นที่นิยมภายหลัง ดังนั้นมาตรฐานรถจึงไม่เหมือนกับรถชั้นเดียวที่มีมาน านแล้ว เพราะรถชั้นเดียวจะแยก ม.2ออกมา แทนที่จะเป็น ม.1ค เหมือน ม.4ค แต่กลับเป็น ม.2
เพื่อความเข้าใจง่าย ให้ดูที่รถสองชั้นคือรถ ม.4 ซึ่งถ้าจัดตามแบบเดิมๆของ บขส ก็จะมีแค่ ม.4ก(24ที่นั่งเดิม) ม.4ข(40ที่นั่งเดิม) ม.4ค(รถป.2เดิม) แล้วรถ 32ที่นั่งจะจัดไว้ตรงไหน ในเมื่อรถ 32ที่นั่งที่เกรดสูงกว่ารถ 40 ที่นั่ง แต่รถ 40 ที่นั่งแอบใช้ ข ไปแล้ว เขาเลยใช้วิธีเพิ่มมาตรฐานย่อยใน มาตรฐาน ข เข้าไปว่า มาตรฐาน ข (พิเศษ) สงสัยหลายๆบริษัทจะขี้เกียจเพ้นอักษรยาวๆ ส่วนใหญ่เลยหดเหลือแค่ พ แทน ถ้าจะเอาแบบถูกต้องเพ้นแบบภูเก็ตเซนทรัลนี้ถูกต้องแล ้วครับ ไม่ได้หมายถึงรถที่จัดแบาะแบบ ม.พ แต่เก็บค่าโดยสาร ม.ข นะครับ