อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ mayday
เท่าที่อ่านดู ความเห็นของคุณ Thaisiam ก็เป็นประมาณนั้นแหละครับ การแข่งขันในเส้นทางสายหลักยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อ งและเข้มข้น ทั้งหลายทั้งปวงวัดกันที่ความพึงพอใจของผู้โดยสารครั บ
ความพึงพอใจวัดกันที่อะไรบ้างนั้น ผมขอใช้มาตรวัดส่วนตัวของผม ซึ่งอาจจะผิดแผกแตกต่างจากมาตรฐานของคนอื่นก็ได้นะคร ับ
1. ตัวรถ ข้อนี้จะดูที่สภาพของรถโดยรวมเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยครับ สภาพที่ว่านี้เน้นที่ภายนอกที่มองเห็น ได้แก่ ตัวถัง ล้อยาง ครับ อายุการใช้งานของรถถูกนำมาพิจารณาด้วยเป็นอันดับแรก
2. สภาพภายใน คือ ความสะอาด เบาะที่นั่งซึ่งเน้นที่ระยะห่างระหว่างเก้าอี้(seat pitch) องศาการปรับเอนนอน อุปกรณ์เสริม เช่นระบบนวดไฟฟ้า และห้องสุขภัณฑ์ ในข้อนี้ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับระยะห่างระหว ่างเก้าอี้ องศาการปรับเอนนอน และอุปกรณ์เสริม จะมีความได้เปรียบ เมื่อเทียบกับค่าโดยสารที่เท่ากัน
3. การบริการ การดูแลเอาใจใส่ของพนักงานประจำรถต่อผู้โดยสาร ของว่าง และอาหารระหว่างทาง พนักงานประจำรถในที่นี้หมายถึงทุกคนนะครับ ตั้งแต่พนักงานขับรถ บัสโอสเตส และบริกร รวมไปถึงพนักงานภาคพิ้นประจำสถานีก็มีส่วนด้วย
4. พนักงานขับรถ ข้อนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะเป็นบุคคลที่เราจะต้องฝากชีวิตไว้กับเขาตลอดการ เดินทาง ในการเดินทางระยะไกลคือเกินกว่าหกชั้วโมงขึ้นไป ควรจะต้องมีพนักงานขับรถอย่างน้อยสองคน ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้โดยสารครับ เมื่อพนักงานขับรถได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ย่อมมีสุขภาพกายที่พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ ความในข้อนี้ยังกินความรวมไปถึงคุณภาพของการขับรถด้ว ย คือการขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม นิ่มนวลไม่หวาดเสียว เป็นต้น ความสำคัญของข้อนี้จึงมีมากพอๆกับข้อ 1. ครับ
5. การตรงต่อเวลา การจอดระหว่างทาง ฯลฯ
ผมรวบรวมมาได้ 5 ข้อ ใครจะมีความเห็นเพิ่มเติมอย่างไร ก็ขอเชิญอภิปรายกันได้เต็มที่ครับ
น้าเมย์เดย์ 
|
ข้อ 3 ผมขอเสริมหน่อยน่ะครับ เท่าที่เจอมา ถ้าคนขายตั๋วพูดดี อัธยาศัยดี ก็ได้ใจไปครึ่งแล้วครับ
ผมเคยเจอกับเจ้านึง ผมเข้าไปถามนิดหน่อย แต่ดันพูดตะคอกใส่ เฮ้อออ เลยไม่ขึ้นเจ้านั้นเลย ฮ่าๆ
แต่ตอนนี้อาจไม่แน่ อิอิ